ปัจจัยที่ทำให้เกิดแฝดแบบธรรมชาติกับการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF/ICSI) ต่างกันอย่างไร?
เคล็ดลับสำหรับคนอยากมีลูกแฝด ต้องทำอย่างไร
การมีลูกแฝดสมัยก่อนคือ ความผิดปกติจากการแบ่งตัวของเซลล์ตัวอ่อนที่ไม่ปกติ แต่ในปัจจุบันคนนิยมมีลูกแฝดด้วยเหตุผลที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละกรณี แน่นอนว่าเด็กแฝดมีความน่ารัก ตั้งครรภ์รอบเดียวได้ลูกถึง 2 คน หรือในกรณีทางการแพทย์ที่รักษาผู้มีบุตรยากมีความจำเป็นต้องใส่ตัวอ่อนหลายตัวเพื่อเพิ่มโอกาสในการครรภ์ หรือการทำเด็กหลอดแก้ว IVF/ICSI ก็เป็นอีกโอกาสที่ทำให้เกิดลูกแฝดได้ หลาย ๆ คนอาจเคยสงสัยว่าเป็นไปได้หรือไม่หากต้องการมีลูกแฝดด้วยวิธีธรรมชาติ หรือมีตัวช่วยอะไรไหมที่สามารถเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์แฝด ต้องทำอย่างไรบ้าง ลองมาดูกันในบทความนี้ค่ะ
ปัจจัยที่ทำให้เกิดแฝดแบบธรรมชาติกับการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF/ICSI) ต่างกันอย่างไร?
การตั้งครรภ์แฝดเกิดจากความผิดปกติของการปฏิสนธิระหว่างไข่กับอสุจิ และการแบ่งตัวของตัวอ่อน ซึ่งอาจจะเกิดจากหลายๆปัจจัย ดังนี้
- กรรมพันธุ์ ถ้าคนในครอบครัวเคยมีการตั้งครรภ์แฝด ก็จะมีโอกาสในการตั้งครรภ์มากขึ้น การถ่ายทอดพันธุกรรมแฝดมักจะมาจากฝ่ายหญิงมากกว่าฝ่ายชาย
- การกินยากระตุ้นไข่ หรือฉีกยากระตุ้นไข่ เมื่อมีไข่ตกในจำนวนที่มากขึ้น ทำให้มีโอกาสในการตั้งครรภ์แฝดอีกด้วย
- หยุดกินยาคุมกำเนิด เมื่อหยุดกินยาคุมหลังจากที่กินตั้งแต่ 1 เดือนแรกขึ้นไป ฮอร์โมนที่เคยถูกหยุดไว้ก็จะกลับมาทำงานอีกครั้ง ทำให้มีโอกาสที่ไข่จะตกรอบละหลายๆ ใบ และทำให้เกิดการตั้งครรภ์แฝดได้
หากพันธุกรรมของครอบครัวไม่เคยมีการตั้งครรภ์แฝด เราสามารถมีลูกแฝดได้ไหมนะ?
มีอีกหนึ่งวิธีที่สามารถช่วยทำให้เกิดลูกแฝดได้ คือการรักษาด้วยวิธี เด็กหลอดแก้ว (IVF/ICSI) เป็นการใส่ตัวอ่อนมากกว่ากว่า 1 ตัวเข้าไปก็จะทำให้มีโอกาสเกิดแฝดมากขึ้นได้ แต่ก็ไม่ได้การันตีว่าจะสามารถเกิดแฝดได้ทุกราย เพียงแต่เพิ่มโอกาสในการเกิดแฝดได้มากยิ่งขึ้นเท่านั้น
การทำเด็กหลอดแก้วมีขั้นตอนการทำดังนี้
- การกระตุ้นไข่ เริ่มจากการพบแพทย์ ตรวจเลือดดูระดับฮอร์โมนและทำอัลตราซาวด์ พร้อมกับฉีดฮอร์โมนกระตุ้นรังไข่ ในวันที่ 2 หรือ 3 ของรอบเดือน จากนั้นแพทย์จะนัดอัลตราซาวด์เพื่อดูการเจริญเติบโตของไข่ และตรวจเลือดดูระดับฮอร์โมนเป็นระยะ โดยจะใช้เวลาในขั้นตอนนี้ประมาณ 8-10 วัน
- การเก็บไข่ หลังจากมีการกระตุ้นไข่ด้วยฮอร์โมนจนไข่เจริญเติบโตจนได้ขนาดตามต้องการ แพทย์จะทำการเก็บไข่จากรังไข่ โดยใช้เข็มดูดผ่านทางช่องคลอด และใช้อัลตราซาวด์ช่วยบอกทิศทาง ใช้เวลาเก็บไข่ไม่เกิน 20-30 นาที ในขณะเดียวกัน ฝ่ายชายจะต้องเก็บอสุจิใส่ภาชนะที่แพทย์เตรียมให้ เพื่อนำมาคัดแยกเฉพาะอสุจิที่สมบูรณ์นำมาผสมกับไข่ในห้องทดลอง และตรวจดูการปฏิสนธิต่อไป
- การเพาะเลี้ยงตัวอ่อน เมื่อเกิดการปฏิสนธิไข่กับอสุจิจนเป็นตัวอ่อนแล้ว จะเลี้ยงตัวอ่อนในห้องปฎิบัติการต่อจนเจริญเติบโต แบ่งเซลล์เป็น 6-8 เซลล์ ใช้เวลาประมาณ 3 วันหลังปฏิสนธิ และเจริญเติบโตเข้าสู่ระยะบลาสโตซีสต์ ใช้เวลาประมาณ 5 วันหลังปฏิสนธิ
- การย้ายตัวอ่อน คือการนำตัวอ่อนย้ายเข้าโพรงมดลูกด้วยการใส่เครื่องมือทางช่องคลอด เหมือนกับการตรวจภายใน การใส่ตัวอ่อนเข้าโพรงมดลูก อาศัยเครื่องอัลตราซาวด์ในการบอกตำแหน่งที่เหมาะสมที่จะวางตัวอ่อนในโพรงมดลูก ขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที
อย่างไรก็ตาม การทำเด็กหลอดแก้ว ไม่ได้การันตีว่าจะสามารถเกิดแฝดได้ทุกราย เพียงแต่เป็นการเพิ่มโอกาสในการเกิดแฝดได้มากขึ้นเท่านั้นเอง การตั้งครรภ์แฝดถือว่าเป็นความเสี่ยง และมีอันตรายมากกว่าการตั้งครรภ์ปกติอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นการวางแผนและปรึกษาแพทย์อย่างต่อเนื่องถือเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
Prime Fertility Center ไม่ได้เพียงแค่ให้การรักษาภาวะมีบุตรยาก มีบุตรยาก มีลูกยากเพียงเท่านั้น สิ่งที่ Prime Fertility Center มุ่งหวัง และมีการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง คือการให้บริการลูกค้าด้วยความใส่ใจ พร้อมให้คำปรึกษา ดูแล และใส่ใจทุกความรู้สึกของคุณ เหมือนกับเป็นคนในครอบครัว เพราะเราเข้าใจถึงความรู้สึก ความกดดัน ความเครียดของผู้เข้ารับบริการที่ไม่สามารถมีบุตรได้สำเร็จเป็นอย่างดี ทางคลินิกจึงมีความตั้งใจที่จะมอบความอบอุ่น และอำนวยความสะดวกแก่ผู้เข้ารับบริการอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยความมุ่งมั่นและความใส่ใจจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ นักเพาะเลี้ยงตัวอ่อน และทีมงานมากประสบการณ์ในการดูแลและให้คำปรึกษาแบบครบวงจร
สนใจเข้ารับการปรึกษาภาวะมีบุตรยาก
ติดต่อ Prime Fertility Center
โทร : 062-648-6688 / 062-648-8866 / 02-029-1418–9
Line : http://line.me/ti/p/~@primefertility
Facebook : https://www.facebook.com/primefertilitycenter
E-mail : [email protected]
เวลาทำการ
วันจันทร์ – วันพุธ , วันศุกร์และวันเสาร์
เวลา 08.00 – 16:00 น.
หยุดวันพฤหัสบดี วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์