เด็กหลอดแก้ว ราคาแพงจริงหรือไม่? และแตกต่างจากเด็กที่เกิดจากการตั้งครรภ์ธรรมชาติอย่างไร?
ไขข้อข้องใจ! เด็กหลอดแก้ว ราคาสูงจริงหรือไม่ ทำยากหรือเปล่า ท้องธรรมชาติไม่ได้สามารถทำได้หรือไหม
การมีบุตรเป็นความปรารถนาของคู่สมรสจำนวนไม่น้อย แต่บางครั้งการตั้งครรภ์อาจไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับบางคู่ เนื่องจากปัญหาทางสุขภาพหรือสภาวะอื่น ๆ อีกมากมายที่เป็นอุปสรรคต่อการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติ การผสมเทียมในหลอดแก้ว หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘เด็กหลอดแก้ว’ จึงกลายเป็นวิธีการรักษาภาวะมีบุตรยากที่ได้รับความนิยมมากขึ้น และถึงแม้ว่าเด็กหลอดแก้ว ราคาจะสูงกว่าการมีบุตรด้วยตัวเอง และมีขั้นตอนที่ค่อนข้างซับซ้อนแต่ก็ถือเป็นวิธีการรักษาที่มีประสิทธิภาพและได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย โดยกลุ่มเป้าหมายหลักที่มักทำเด็กหลอดแก้วนั้น มักจะเป็นผู้หญิงที่มีอายุมากกว่า 35 ปีขึ้นไป มีปัญหาเกี่ยวกับท่อนำไข่ หรือฝ่ายชายมีปัญหาด้านเชื้ออสุจิ รวมถึงกรณีที่ไม่ทราบสาเหตุของการมีบุตรยากแต่พยายามมาเป็นเวลานาน เพื่อช่วยให้ทุกคนที่สนใจเรื่องการทำเด็กหลอดแก้วมากขึ้น บทความนี้จึงจะมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักเด็กหลอดแก้ว ราคา และวิธีการทำ พร้อมอธิบายข้อแตกต่างระหว่างเด็กหลอดแก้วกับเด็กที่เกิดจากการตั้งครรภ์แบบธรรมชาติอย่างละเอียด
ทำความรู้จักเด็กหลอดแก้ว ราคา และวิธีการทำ พร้อมอธิบายข้อแตกต่างระหว่างเด็กหลอดแก้วกับเด็กที่เกิดจากการตั้งครรภ์แบบธรรมชาติอย่างละเอียด
เด็กหลอดแก้วคืออะไร
เด็กหลอดแก้ว หรือ IVF (In Vitro Fertilization) เป็นกระบวนการทางการแพทย์ที่ช่วยให้การปฏิสนธิระหว่างไข่และเชื้ออสุจิเกิดขึ้นภายนอกร่างกาย โดยมีขั้นตอนสำคัญคือการนำไข่จากรังไข่ของผู้หญิงมาผสมกับเชื้ออสุจิของผู้ชายในสภาพแวดล้อมที่ควบคุมได้ในห้องปฏิบัติการ หลังจากนั้นตัวอ่อนที่ได้จากการปฏิสนธิจะถูกเพาะเลี้ยงจนมีการเจริญเติบโตเป็นระยะหนึ่ง ก่อนที่จะนำตัวอ่อนกลับเข้าสู่มดลูกของผู้หญิง เพื่อให้ฝังตัวและดำเนินการตั้งครรภ์ต่อไป ด้วยเหตุนี้เด็กหลอดแก้ว ราคา และวิธีการทำทั้งหมดจึงจำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ เพราะต้องมีการทำงานร่วมกับร่างกายของมนุษย์โดยตรงนั่นเอง
เพราะอะไรจึงต้องทำเด็กหลอดแก้ว
สำหรับสาเหตุหลักที่ต้องปรึกษาเรื่องเด็กหลอดแก้ว ราคา และวิธีการทำกับผู้เชี่ยวชาญ มักจะเกิดจากปัญหาทางสุขภาพหรือสภาวะทางการเจริญพันธุ์ของคู่สมรส ได้แก่ อายุของผู้หญิงที่มากกว่า 35 ปี ท่อนำไข่ของผู้หญิงอุดตันหรือถูกทำลาย ปัญหาคุณภาพหรือจำนวนเชื้ออสุจิในผู้ชาย รวมถึงกรณีที่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดแต่พยายามมีบุตรมานานกว่า 1 ปีแล้วไม่สำเร็จ นอกจากนี้ หากพบว่าวิธีการผสมเทียมแบบอื่น ๆ ไม่ประสบความสำเร็จ ก็อาจจำเป็นต้องใช้เด็กหลอดแก้วเช่นกัน โดยนอกเหนือจากเด็กหลอดแก้วแบบปกติ ยังมีเทคนิคพิเศษเรียกว่า ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection) ที่ใช้สำหรับคู่สมรสที่มีปัญหาด้านคุณภาพเชื้ออสุจิมากเป็นพิเศษ โดย ICSI นักวิทยาศาสตร์จะทำการฉีดเชื้ออสุจิเข้าไปในไข่โดยตรง ช่วยเพิ่มโอกาสการปฏิสนธิได้ดียิ่งขึ้น การทำเด็กหลอดแก้ว ราคาแบบ ICSI จึงเหมาะสำหรับกรณีที่ฝ่ายชายมีปัญหาอสุจิผิดปกติรุนแรง หรือกรณีที่เคยล้มเหลวกับ IVF มาก่อน
ขั้นตอนการทำเด็กหลอดแก้วมีอะไรบ้าง
การทำเด็กหลอดแก้วหรือ IVF เป็นกระบวนการที่ค่อนข้างซับซ้อนและต้องใช้ระยะเวลาหนึ่ง โดยมีขั้นตอนสำคัญดังนี้
- การเตรียมร่างกายก่อนเก็บไข่และน้ำเชื้อ: ก่อนเริ่มขั้นตอน ผู้หญิงจะต้องรับการตรวจร่างกายและได้รับการกระตุ้นรังไข่ด้วยฮอร์โมนเป็นระยะเวลาประมาณ 8-10 วัน เพื่อให้ได้ไข่ที่สมบูรณ์หลาย ๆ ใบ ระหว่างนี้แพทย์จะติดตามการเจริญของไข่ด้วยการตรวจเลือดและอัลตราซาวด์เป็นระยะ
- การเก็บไข่และผสมเชื้อ: เมื่อไข่โตพร้อม แพทย์ก็จะทำการดูดไข่ผ่านทางช่องคลอด และฝ่ายชายจะทำการเก็บอสุจิเพื่อนำไปตรวจวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ จากนั้นแพทย์จะนำไข่และอสุจิมาผสมกันภายนอกร่างกายในสภาพควบคุม โดยอาจใช้เทคนิคพิเศษเรียกว่า ICSI
- การเพาะเลี้ยงและย้ายตัวอ่อน: หากมีการปฏิสนธิเกิดขึ้น ตัวอ่อนจะถูกเพาะเลี้ยงในสภาพควบคุมเป็นเวลา 5-6 วันจนพัฒนาถึงขั้นที่เหมาะสม จากนั้นตัวอ่อนจะถูกย้ายกลับเข้าสู่มดลูกของผู้หญิงโดยวิธีการทางช่องคลอด เพื่อให้ตัวอ่อนฝังตัวและเริ่มพัฒนาการตั้งครรภ์
เด็กหลอดแก้ว ราคาเท่าไร?
หากใครสงสัยว่าเด็กหลอดแก้ว ราคาเท่าไร โดยปกติแล้วการทำเด็กหลอดแก้วด้วยเทคนิค ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection) ถือเป็นขั้นตอนที่ซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง โดยค่ารักษาโดยรวมจะอยู่ในช่วงประมาณ 250,000 – 450,000 บาท ซึ่งค่าใช้จ่ายจะรวมตั้งแต่การตรวจร่างกายชายหญิง การกระตุ้นรังไข่ด้วยยาฮอร์โมน การตรวจสเปิร์ม การเก็บไข่ การปฏิสนธิและเพาะเลี้ยงตัวอ่อน รวมถึงการย้ายตัวอ่อนกลับเข้าสู่มดลูก ซึ่งในแต่ละคลินิกหรือโรงพยาบาลจะมีราคาการรักษาที่แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับหลาย ๆ ปัจจัย เช่น ประเภทและปริมาณยาที่ใช้ รวมถึงขั้นตอนเสริมอื่น ๆ ที่อาจจำเป็น เช่น การฝากน้ำเชื้อแช่แข็ง การฝากตัวอ่อนแช่แข็ง การตรวจโครโมโวมตัวอ่อน เป็นต้น ซึ่งจะถูกพิจารณาการรักษาเป็นรายบุคคลตามความเหมาะสม โดยสรุป การทำเด็กหลอดแก้วด้วยวิธี ICSI ต้องใช้งบประมาณค่อนข้างสูง โดยเฉลี่ยแล้วอาจเริ่มต้นที่ราว 200,000 บาทขึ้นไป ทั้งนี้ก็เพื่อเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์สำเร็จให้แก่คู่สมรสที่ประสบปัญหาภาวะมีบุตรยาก
เด็กหลอดแก้วต่างจากเด็กที่เกิดจากการตั้งครรภ์แบบธรรมชาติอย่างไร?
“เด็กหลอดแก้ว” และเด็กที่เกิดจากการท้องธรรมชาติซึ่งในที่นี่จะเรียก “เด็กธรรมชาติ” มีความแตกต่างกันที่กระบวนการเกิด โดยเด็กหลอดแก้วเกิดจากการปฏิสนธิระหว่างไข่และเชื้ออสุจิภายนอกร่างกายแม่ ก่อนจะย้ายตัวอ่อนกลับเข้าสู่มดลูก ขณะที่เด็กธรรมชาติเกิดจากการปฏิสนธิภายในร่างกายมารดาตามธรรมชาติ ในส่วนของผลกระทบต่อสุขภาพนั้น ถึงแม้จะมีความเสี่ยงบางประการจากกระบวนการทำเด็กหลอดแก้ว แต่ก็อยู่ในระดับไม่แตกต่างจากการตั้งครรภ์ธรรมดามากนัก หากอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และที่สำคัญคือเด็กหลอดแก้ว ราคาสูงกว่าการมีบุตรตามธรรมชาตินั่นเอง
เป็นอย่างไรกันบ้างกับข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับเด็กหลอดแก้ว ราคา และวิธีการทำ พร้อมอธิบายข้อแตกต่างระหว่างเด็กหลอดแก้วกับเด็กธรรมชาติอย่างละเอียดที่เรานำมาแชร์ให้ทุกคนได้รู้จักกันในวันนี้ สำหรับใครที่กำลังมองหาคลินิกรักษาผู้มีบุตรยากที่เข้าใจทุกปัญหา ที่สามารถทำเด็กหลอดแก้ว ราคาไม่แรงมากจนเกินไป Prime Fertility Clinic ก็พร้อมดูแลทุกครอบครัวให้สมหวัง โดยเรามีแพทย์และทีมงานผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลในทุกกระบวนการ เพื่อให้ผู้รับบริการมั่นใจได้ว่าจะสามารถมีบุตรและสร้างครอบครัวอย่างปลอดภัยได้มาตรฐาน และที่สำคัญคือในตอนนี้ คลินิกของพวกเรากำลังมีโปรโมชันพิเศษสำหรับการทำเด็กหลอดแก้ว ราคาย่อมเยาเริ่มต้นเพียง 169,999 บาทเท่านั้น และสามารถผ่อนชำระ 0% นานสูงสุด 10 เดือน โดยสามารถใช้ได้ตั้งแต่วันนี้ – 31 สิงหาคม 2567
สนใจเข้ารับการปรึกษาภาวะมีบุตรยาก
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ icsi ราคา/ iui ราคา/ivf ราคา/ทํา icsi ราคา
ทําอิ๊กซี่ ราคา/เก็บไข่ ราคา/เด็กหลอดแก้ว ราคา/ทําลูกแฝด ราคา
โทร : 062-648-6688 / 062-648-8866 / 02-029-1418–9
Line : http://line.me/ti/p/~@primefertility
Facebook : https://www.facebook.com/primefertilitycenter
E-mail : [email protected]
เวลาทำการ
วันจันทร์ – วันพุธ , วันศุกร์และวันเสาร์
เวลา 08.00 – 16:00 น.
หยุดวันพฤหัสบดี วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์