พฤติกรรมที่ทำให้ไข่เสื่อมก่อนวัยในเพศหญิงนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติอยู่แล้ว อาจเกิดขึ้นได้จากการที่อายุเพิ่มมากขึ้น เริ่มได้ตั้งแต่ 29 – 30 ปี ทำให้จำนวนไข่ที่จะตกในแต่ละรอบเดือนและคุณภาพของไข่ลดน้อยลง
ซึ่งผลที่ตามมาจะทำให้ท้องยาก หรือมีโอกาสแท้งได้ง่าย หรือเกิดความไม่สมบูรณ์ในตัวของทารก
เมื่อถึงอายุ 40 กว่าปี ไข่ก็จะเริ่มเสื่อมถอยมากขึ้น จนกระทั่ง 49 – 50 ปี ก็จะเริ่มหยุดทำงาน ผลที่ตามมาก็คือ มีผิวพรรณที่เปลี่ยนแปลงไป เป็นโรคอ้วนได้ง่ายมากขึ้น ไขมันในเลือดสูง หงุดหงิดง่าย มีอารมณ์เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา กระดูกพรุน กระดูกบาง เป็นต้น
สำหรับพฤติกรรมที่ทำให้ไข่เสื่อม มีดังนี้
🔹 ดื่มแอลกอฮอล์ หนักๆ อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้การทำงานของเซลล์ไข่เสื่อมถอยลง
🔹 สูบบุหรี่จัด หรือทำงานในสถานที่ที่มีสารพิษ เนื่องจากสารพิษในบุหรี่และควันที่ปล่อยออกมา จะส่งผลให้เซลล์ไข่เกิดการอักเสบในระดับเซลล์เล็กๆ เสื่อมถอยลง
🔹 นอนน้อย นอนไม่เป็นเวลา ทำงานหนักหักโหมหรือเที่ยวกลางคืนเป็นประจำ ทำให้ฮอร์โมนที่ทำหน้าที่ซ่อมแซมร่างกายทำงานได้ไม่เต็มที่ มักจะเกิดในกลุ่มอาชีพทำงานเป็นกะ และนอนไม่ตรงเวลานั่นเอง
🔹 การใช้สารเสพติด เช่น โคเคน ยาบ้า สิ่งเหล่านี้ส่งผลโดยตรงในการทำให้ไข่เสื่อมได้
🔹 ความเครียดในชีวิตประจำวัน เมื่อเกิดการสะสมนานเข้าก็ส่งผลให้เกิดภาวะไข่เสื่อมได้เช่นกัน
เพราะฉะนั้นรู้แบบนี้แล้วอย่าลืมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมกันด้วยนะคะ
Reference: Prime Fertility Center Co., Ltd.
สนใจบริการ ทำเด็กหลอดแก้ว ฉีดเชื้อผสมเทียม ฝากไข่ ตรวจสุขภาพ คลิกที่นี่
ICSI การทำอิ๊กซี่ การทำอิ๊กซี่ หรือ Intracytoplasmic sperminjection (ICSI) เป็นการปฏิสนธินอกร่างกายที่ใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยในห้องปฏิบัติการ ซึ่งขั้นตอนคล้ายกับการทำเด็กหลอดแก้วหรือ IVF แต่การทำอิ๊กซี่จะมีความแตกต่างคือ อิ๊กซี่เป็นการนำเอาอสุจิที่ผ่านการคัดเลือกที่ดีที่สุดหนึ่งตัวผสมต่อไข่ที่อยู่ในระยะที่เหมาะสมในการปฏิสนธิหนึ่งใบ โดยการใส่อสุจิเข้าไปในเนื้อไข่โดยตรง กระบวนการนี้จะต้องมีการกระตุ้นไข่ด้วยยาฮอร์โมนเพื่อให้ได้ไข่จำนวนหลายใบ และยังให้ผลการปฏิสนธิเป็นที่น่าพึงพอใจ ช่วยลดปัญหาการปฏิสนธิหรือการปฏิสนธิแบบผิดปกติอันเนื่องมาจากไข่และอสุจิ เช่น การเกิดการผสมด้วยอสุจิหลายตัว, อสุจิไม่สามารถเจาะผ่านเปลือกไข่เพื่อเข้ามาปฏิสนธิได้ เป็นต้น หลังจากนั้นตัวอ่อนจะถูกนำไปเพาะเลี้ยงในภาวะที่เหมาะสมในห้องปฏิบัติการตัวอ่อน แล้วจึงนำตัวอ่อนฉีดกลับเข้าสู่โพรงมดลูกเพื่อให้ตัวอ่อนฝังตัวที่มดลูกและเจริญเติบโตเป็นทารกต่อไป
คู่สมรสที่ควรรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยวิธีการทำ ICSI
1. ฝ่ายหญิงมีอายุค่อนข้างมาก (มากกว่า 35 ปี)
2. ฝ่ายหญิงมีภาวะท่อนำไข่ตีบตันทั้งสองข้าง
3. ฝ่ายหญิงมีภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ค่อนข้างรุนแรง
4. ฝ่ายหญิงมีการทำงานของฮอร์โมนรังไข่ผิดปกติ เช่น ภาวะไข่ไม่ตกเรื้อรัง หรือโรคถุงน้ำรังไข่ (PCOS)
5. ฝ่ายชายมีอสุจิผิดปกติรุนแรง ทั้งทางด้านรูปร่าง ความสามารถในการเคลื่อนที่ รวมถึงจำนวนของอสุจิด้วย
6. ฝ่ายชายที่เป็นหมันหรือทำหมัน แต่ยังคงมีการสร้างอสุจิและสามารถนำอสุจิออกมาได้จาก วิธีการผ่าตัด เช่น การทำ PESA, TESA, TESE เป็นต้น
7. คู่สามีภรรยาที่เคยไม่ประสบความสำเร็จในการปฏิสนธินอกร่างกายด้วยวิธี IVF
8. คู่สามีภรรยาที่ต้องการตรวจคัดกรองโรคทางพันธุกรรมด้วยของตัวอ่อน
FET การย้ายตัวอ่อนแช่แข็ง
การย้ายตัวอ่อนแช่แข็ง หรือ FET (FROZEN EMBRYO TRANSFER) คือการนำเอาตัวอ่อนที่ถูกแช่แข็งไว้มาผ่านกระบวนการละลาย (THAWING) และย้ายเข้าสู่โพรงมดลูก ซึ่งในกรณีนี้คนไข้สามารถเลือกช่วงเวลาที่ตนเองสะดวกได้ เช่น 1-2 เดือนหลังจากกระบวนการปฏิสนธิ การย้ายตัวอ่อนรอบแช่แข็งในสตรีที่มีอายุมากกว่า 35 ปีจะให้ผลดีกว่าการย้ายตัวอ่อนในรอบสด
เนื่องจากในกรณีที่ฝ่ายหญิงกระตุ้นไข่ได้หลายใบจะทำให้มีฮอร์โมนผลิตออกมาจากรังไข่ปริมาณมาก ซึ่งฮอร์โมนนี้จะส่งผลทำให้คุณภาพของเยื่อบุโพรงมดลูกด้อยลง และทำให้โอกาสการฝังตัวของตัวอ่อนลดลงแม้ตัวอ่อนจะมีคุณภาพดีก็ตาม ดังนั้นการใส่ตัวอ่อนตามหลังการเก็บไข่เลยอาจไม่เหมาะสมนักในกรณีนี้
นอกจากนั้นผลการศึกษาจากหลายสถาบันก็มีแนวโน้มว่าการใส่ตัวอ่อนในรอบแช่แข็งและละลายจะให้โอกาสการตั้งครรภ์ที่สูงกว่าใส่หลังเก็บไข่เลย ด้วยเรื่องของคุณภาพเยื่อบุโพรงมดลูกที่พร้อมมากกว่าดังนั้นการเลือกย้ายตัวอ่อนในรอบใดนั้นแพทย์จะพิจารณาให้เหมาะสมกับคู่สมรสเป็นราย ๆ ไป
ทำ ICSI ราคา มีบุตรยาก ทำอิ๊กซี่ ราคา